วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพิ่งผ่านวันเกิดผมมาได้วันเศษๆ ยังรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม หลายอย่างที่เคยได้ มันหายไปบ้าง และหลายอย่างยังคงอยู่ รวมทั้งสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาเพิ่มเติม ก็คงทดแทนของเก่าไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกแฮปปี้กับมันมากๆ

ที่ไม่ได้เขียนมานาน ไม่ใช่เพราะลืมนะ แต่อยากจะเขียนเรื่องอื่นดูบ้างที่มันไม่ใช่ ความรัก หรือ ฟาร์มรัก แต่เขียนเท่าไหร่ ก็ลบ ก็ลบ อยู่ดี เหมือนกับว่า ไม่ใช่ตัวผมอย่างงั้นแหละ เหมือนต้องเขียนการบ้านส่งอาจารย์ แต่ผมว่า ในสถานที่ส่วนตัวของผมตรงนี้ ผมน่าจะเขียนอะไรที่ผม อยากจะเขียนมากฝ่า !!!

เปิดเทอม ชีวิตปี 4 มาได้เกือบ 2 เดือน มีฟาร์มสุขมาก ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวไปหมด ยกเว้นก็แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่มีแต่ไหลออกไป ....แต่ก็เพราะเอาไปบำเรอฟาร์มสุขของตัวเองทั้งนั้น ก็ยังพอรับได้ แต่รายรับก็ดันไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่ตั้งใจไว้ เอาน่ะ เอาเงินซื้อฟาร์มสุขไปก่อน... ก่อนจะหมดเวลากับชีวิตเด็กมหา'ลัย  ถ้าเรียนจบ ก็คงจะคิดถึงบ้านแห่งนี้ไม่น้อยทีเดียว บ้านที่เรียกว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เชื่อมั้ย ผมมีฟาร์มรักครั้งใหม่แล้วนะ มีให้กับเด็กปีหนึ่งคนหนึ่ง  แต่พอลองมาคิดดู ผมว่า อย่างตัวผมเองน่าจะเรียกว่า 'หลง' ซะมากกว่า หรือถูกทำให้ 'หลง' ก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ...... อาจจะด้วยคาถาอาคมมากมาย ร้อยเล่ห์แสนกล หรือมนต์สะกด ที่มันมี แต่ครั้งแรกที่เจอ ก็คิดว่าถูกชะตา  ฟ้าต้องส่งมันมาให้ผมรู้จักแน่นอน (คิดไปนั่น !!!)

ฟาร์มรัก ครั้งนี้ เป็นสีขาวครับ ..........
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า วันหน้ากลับมาอ่านอีกที จะยังเป็นสีขาว อยู่มั้ย.....
รักครั้งนี้ เป็นแบบพี่เป็นน้องครับ รักมากๆ รู้สึกกับมันอย่างเดียวกับที่รู้สึกกับไอ้เก้าเลย  แอบมากกว่าด้วยซ้ำนะ  แต่คงเพราะ เป็นช่วงแรกๆ คงอยากรู้จักมันมากกว่า ด้วยเวลาของผมเอง ที่จะได้เรียนอยู่ที่นี่ ก็มีไม่มากแล้ว อาจจะไม่ได้เจอกัน กลัวยังรู้จักมันไม่ดีพอ    ซึ่งผมยังไม่พร้อม ยังไม่อยากจากที่นี่ไป.......

นิสัยไม่เหมือนไอ้เก้าเลยครับ ตรงข้ามเกือบทุกอย่างด้วยซ้ำไป
....แล้วเพราะอะไร
ดวงตาคู่นั้น มันอธิบายได้หมดแล้วหล่ะครับ

เจ้าหนูคนนี้มีหมู่เลือดเดียวกับผมครับ ทำให้มีนิสัยหลายอย่างที่ต้องเหมือนกันอยู่แล้ว ทำให้คุยกันง่าย เข้าใจตรงกันง่ายๆเลย  ส่วนนิสัยที่ไม่ตรงกัน ก็มีประมาณอีกครึ่งนึงได้เลยครับ เอาว่าใช้ชีวิตไม่เหมือนกันเลยอะ  เอาว่าผมไม่เคยรู้จักกับคนกลุ่มนี้เลยด้วยซ้ำ บอกตามตรงว่าไม่ชอบเลยนะ  เช่น ฮิพฮอพมากๆ แต่งตัวฮิพฮอพ ตัดสกินเฮด เสื้อตัวใหญ่ๆ  ดีดกีตาร์โชว์ญ เจ้าชู้(ซึ่งไม่ชอบที่สุด) ฯลฯ  ก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเพื่อนกลุ่มนี้เหมือนกัน  แต่ทำไงได้ เค้าเป็นของเค้าอย่างนั้น 

วันหน้าไม่รู้จะเป็นไง แต่ก็อยากให้ฟาร์มสัมพันธ์มันดีขึ้น ไม่ใช่เงียบๆ เป็นผมที่เป็นคนเริ่มอยู่ตลอด กลัวตัวเองเหนื่อย กลัวหมดแรง...

ส่วนฟาร์มรักสีแดงของผม ยังคงเหมือนเดิม 4ปี 28 วัน แล้วครับ เย้ดเข้

ผมเชื่อนะว่า ความรัก มีแต่ สมหวัง กับผิดหวัง  ไม่มีถูก หรือผิดหรอกครับ  และเมื่อมันเกิดขึ้น ไม่มีคำว่า ลืม  ถ้าลืมก็คงไม่ใช่ความรัก ครับ ผมเชื่ออย่างนั้นนะ....

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่รอ

ทำไม, ฉันกำลังรู้สึกอะไร...

       นี่เธอกับเค้าเลิกคุยกันแล้ว จริงเหรอ  เหมือนกับว่าฉันรอประโยคนี้มาหลายปี... แต่ทำไมวันนี้  วันที่ฉันได้ยิน ฉันกลับบอกไม่ได้ว่า แท้ที่จริงแล้วฉันรู้สึกอย่างไร

       ดีใจสิ ดีใจ มันน่าจะต้องดีใจสิ ยังไงเราก็ยังมั่นใจมาตลอดว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ดีเลย เค้าเลิกกับคนไม่ดีได้ เราน่าจะดีใจสิ
       หรือย่างน้อยก็ต้องดีใจเพราะ เค้าเป็นโสดแล้วไง เรายังพอมีหวัง รอมาตั้ง 4 ปี...

       ฉันว่า ฉันรู้สึกเจ็บมากกว่านะ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับการจากไปของเค้าบ้าง ถึงแม้ท่าทีของเธอจะดูเหมือนไม่เป็นอะไรก็ตาม  แต่ฉันก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี ยังไงซะเธอ กับเค้าก็คบกันมานานตั้งหลายปี ความผูกพันมันก็ต้องมีกันบ้าง... และฉันก็ยังคิดว่า เธอยังรักเค้าอยู่ไม่น้อย  เพียงแค่วันนี้ เธอกับเค้าขาดการติดต่อกันไปแล้วเท่านั้นเอง....

       ตอนนี้ ฉันอยากไปนั่งอยู่ข้างๆ เธอ   ใช้มือของฉัน ค่อยๆ จับมือเธอขึ้นมา  ประกบด้วยมือของฉันอีกข้าง  ประคองมันไว้... แค่นั้นแหละ  พร้อมจะนั่งเฉยๆ โดยไม่พูดอะไร ฉันรู้ว่าเธอคงได้ยินมันจากข้างในอยู่แล้ว เพราะฉันไม่เคยปิดบังอะไรเธอได้เลย...

       ...............อย่างน้อยนะ วันนี้ก็ทำให้ฉันรู้ว่า สิ่งที่ฉันรอ ที่ฉันรอจริงๆ น่ะ ไม่ใช่รอให้เธอกับเค้าเลิกกันเลย   เพราะมันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีอะไรมามากขึ้นเลย   ฉันคงรอให้ฉันหยุดหายใจ ไปพร้อมๆ กับความรักของฉัน ที่มันยังคงมีให้เธอ และไม่เคยลดน้อยลงเลย...

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

ติด

มีคนติติงมาว่า เรื่องราวของผมเพ้อเจ้อ เข้าขั้นไร้สาระ เลยทีเดียว มีแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ... ซึ่งนั่นมันก็เรื่องของผม  *.*  เมพขิงๆ

จะทำไงได้ละครับ มันเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ นอนไม่หลับเกือบทุกค่ำคืน

คราวนี้จะกล่าวถึงเรื่อง 'ติด'  ระยะนี้ ผมติดรายการ 'The Shock' ครับ  เข้าขั้นรุนแรงก็ว่าได้  มองที่มุมซ้ายของจอคอมพ์ได้เวลา 0.30 เมื่อไหร่ ต้องเปิดฟังทุกคืน  ย้ำว่าทุกคืน นะครับ แล้วก็ต้องฟังจนจบ 3.30 ทุกคืนไป ทำให้ตื่นสายเป็นประจำเลย ไม่อยากจะตื่น  ฟังแรกๆ ก็กลัวนะครับ แต่ต่อไปเริ่มสนุกไปกับรายการ โดยส่วนตัวไม่ชอบพี่แจ๊ก เลย แต่พี่แกก็เก่งนะครับ แต่อาจเป็นเพราะหน้าตาของแกด้วย ที่ทำให้ผมหมดอารมณ์กลัวทุกที ที่ชอบคงจะเป็นพี่ป๋อง กับน้องๆ เจเนเรชั่นใหม่ๆ แหละครับ โดยเฉพาะบี่บี๋ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าหน้าตาพี่เค้าเป็นยังไง แต่ฟังเสียงแล้วได้อรรถรสดี  ว่าไป ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าตา แต่พวกเค้าก็เก่งถึงจะมือใหม่ แต่ก็ฟังเพลินๆได้ (พี่แจ๊ก อย่าโกรธผมเน้อออ)

น่าจะเป็นครั้งแรกของการเขียนเรื่องส่วนตัว ที่เจ้าตัวยังมีสติ เพราะทุกครั้งไป จะเมาก่อนทุกครั้ง คงจะเป็นอารมณ์ศิลปินบ้าบอ ที่รอให้อารมณ์มาแล้วถึงจะอยากทำอะไร ซึ่งตัวผมเองก็ทำใจไว้แล้วว่า เรื่องนี้ เนื้อหา อรรถรสคงจะต่างไป อาจไม่เร้าใจเหมือนเรื่องที่ผ่านมา

ทุกคืนวันอาทิตย์ รายการ 'The Shock'  จะเปลี่ยนเป็น 'จิ๊กโก๋ยามดึก'  จะมีน้องๆ เจเนเรชั่นใหม่ มานั่งเล่นดีดกีตาร์ เป่าขลุ่ย เล่นมุกตลก ส่งมุกเกรียนๆ กันไปมา เล่นร่วมกับทางบ้าน ใครที่นอนดึกอยู่แล้ว ไม่มีอะไรทำ ไม่เคยฟัง อยากฟัง ลองเข้าไปฟังดูนะครับ เจ๋งทีเดียวล่ะ  มันเป็นอารมณ์วัยรุ่นคุยกันสนุกสนานมากครับ ซึ่งผมเองก็ติดมาก

สิ่งที่สุดท้ายที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ ขวดสีชา ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผมขณะนี้  มันมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า  'สิงห์' (Singha) ติดได้อย่างไร ?  พี่ชายคนนึงแนะนำให้ผมดื่มครับ ซึ่งพอดื่มครั้งแรก ก็รู้สึกว่ามันใช่ นี่แหละ ความสุขที่เราตามหามานาน ถึงกับทำให้ผม แทบจะเลิกดื่มเหล้า มาดื่มเจ้านี่แทนเลยครับ (ก็ขอขอบคุณพี่คิว ยอดชาย ที่ทำให้ผมค้นพบสิ่งที่ผมตามหามานาน)  หลายคนกินเจ้านี่ไม่ค่อยได้ครับ  บอกว่ามันจืดบ้าง ขมบ้าง  แต่นี่แหละ ที่รุ่นใหญ่เค้ากิน แพงหน่อย แต่ไปไวมาก ครับ  สำหรับคนคอเบียร์เหมือนกันครับ  *-*

ฟังเพลงแล้วก็เศร้า กินเหล้า(เบียร์)เคล้าน้ำตา
ปิดตาฉันก็เศร้า    อยากเล่าเรื่องที่ผ่านมา
ว่าถึงฉันจะรักเธอเท่าไหร่  แต่ถ้าเธอจะไป มันก็ไม่มีความหมาย...

ความจริงที่ไม่มีใครรับไหว ที่เธอต้องการไป  อยากร้องขอให้เธออยู่ แต่กลับไม่รู้ต้องทำยังไง 
เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีเธอ ไม่เหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา..
ทั้งๆ ที่รักเธอจนหมดใจ ถ้าหากฉันเสียเธอไป อะไรๆก็ไม่มีความหมาย....
credit : ไม่มีความหมาย - วิน sqweez animal

แต่ก็ไม่วายคิดถึงเธอ...
จนป่านนี้ จะนานกี่ปี กี่ปี ก็ยัง 'ติด' เธอ อยู่เหมือนเดิม

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

คืนหนึ่ง

บางอย่างคนเราฝังใจไม่เท่ากัน...

แต่คนบางคนที่ทำให้ผม...กลับไม่ยอมลืม ความเป็นไปทุกค่ำคืน ตอกย้ำความเจ็บปวดแสนสาหัส

เบียร์เย็นในแก้วเหมือนเป็นเป็นสารเร่งความรู้สึก ทุกครั้งที่ได้กิน ทุกครั้งรู้สึก ความคิดถึง ความเป็นไป เจ็บช้ำ ปวดใจ...

ใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอ ย้อนนึกกลับมาทุกครั้ง  คราวใดที่จิตใจหนุ่มน้อยอ่อนแอ...  เป็นเธอผู้เดียวเสมอมา  มันไม่มีอะไรดีนัก นอกจากพฤติกรรมที่ทำให้มือหยิบแก้วขึ้นมา แล้วซัดมันไปให้ภาพเธอจาง ......หายไป

ชีวิตประจำวันของเขาเรียบง่าย มีความสุขกับสังคมรอบข้าง มีบ้างไม่มีบ้าง ความทุกข์รอบกาย ...ผ่านเข้ามา  และก็ออกไป    ที่ไม่เหมือนกับความเงียบงันในใจ  ยังคงลึก...

เหตุผลที่มากมาย  ที่ทำให้โลกต้องโคจรต่อไป... เวลาของเราหมดลง   ใครต่อใครที่ผ่านเข้ามา กลับยิ่งตอกย้ำให้เขาคิดถึงแต่เรื่องราว  ช่วงเวลาที่หนุ่มน้อยมีเธอ....

ได้คิดถึงอีกคราว  ความหนาวกัดกินใจ  ยังคงไม่มีใครให้คิดถึง...นอกจากเธอ



....
นั่งอยู่กลางร้าน... พิงเสาข้างหนึ่ง  ไม่ใช่ที่สบาย แต่หากเป็นที่ ที่เพียงเพื่อสามารถหลบมุมสายตาของโต๊ะรอบข้าง ที่จะเห็นบางสิ่งที่ไม่ดีออกมา...   ซึ่งคงเป็นคราบน้ำตา ที่น้อยชายนักจะหลั่งไหลให้กับใครหนึ่งคน....  หนทางเค้ายังเหมือนเดิม  มีแสงไฟ  มีผู้คนรอบกาย   แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันยิ่งไกลแสนไกล

"น้ำตา... อีกแล้ว..... เมื่อไหร่จะเข้มแข็ง"  พูดในใจ

หยิบ...แก้วเบียร์กระดกเข้าปาก  ขอบแก้วโดนคราบน้ำตาทั้งสองข้าง  เก้าอี้ที่ว่างเปล่าข้างๆกาย ที่ตอกย้ำว่ามันยังคงว่างเปล่า   ร่องรอยความเงียบงันในจิตใจ... ฉไนดังกว่าเสียงดนตรีรอบกาย


ไม่รับรู้ชีวิตของวันพรุ่งนี้  รับรู้แต่เพียงความรู้สึกความเจ็บปวดในใจ... กลั้นน้ำตาที่ทะลักออกมา   มองไปดูรอบกาย  ผู้คนสังสรรค์  มีความสุข หรือพวกเขาอาจมีความทุกข์ไม่ต่างจากเรา


แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าใจความรู้สึกของเรา...

พอได้รู้บางทีอยากจะถามไถ่  แอบได้ยินบ้างบางครั้งที่เขาทำให้เธอเสียใจ  แล้วเสียงในใจฉันล่ะ  Hey !  จะบอกอย่างไร...

ฉันที่มีใจ  ยังรออยู่ไม่ห่างไกล  เพราะเธออยู่ในลมหายใจ ทุกๆ ลมหายใจของฉัน  แต่... ก็แค่นั้นเอง

...แต่หากไม่ได้คบ ไม่มีเธออยู่ คงไม่ฝังใจ   หากไม่ได้รัก ที่เธอเคยให้  ฉันก็คงไม่รักคนอย่างนั้น  มันยังอยู่ในความทรงจำ  ไม่ว่าเท่าไหร่  ยังคงนึกถึง

..........อาจจะหมายหมั้นให้เธอกลับมา แต่เป็นเพราะความทรงจำยังคงอยู่  นานเพียงใดก็ยังนึกถึงอยู่ดี

แม้ความคิดมันไกลกว่านี้... แต่ก็แค่หวัง  


แล้วเธอก็ไป พบใครคนใหม่...ที่เธอถูกใจ  คงมีใครที่ถูกใจเธอหลายอย่าง ก็ขอให้เป็นตัวจริง ให้ถูกใจเธอทุกอย่าง  เหมาะสมมากกว่าให้เป็นชีวิตใหม่ของเธอ  

แต่เธออย่าบอกว่าเธอรอ  อย่าบอกว่าเค้าดี  ไม่ต้องย้ำว่าเธอหวังดี  หรือห่วงใย
แต่เธออย่าบอกว่าเธอใส่ใจ  อย่าบอกว่าเค้าใช่  เพราะที่เธอรู้สึก... ที่เธอเป็นอยู่

ความรู้สึกพวกนี้ ฉันผ่านมันมาหมดแล้ว...



วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

คราบน้ำตา


ตึกดึก อากาศเริ่มหนาว ทุกอย่างเงียบสงัดกว่าที่เคยเป็น...  เห็นสมควรแล้ว ว่าต้องออกไปซัดสิงห์  บิ๊วอารมณ์ซักหน่อยจะเป็นไรไป



หนุ่มน้อยฝันถึงเธออีกแล้ว... ฝันในภวังค์ที่มีเธอคนเดิมเป็นตัวเอกของเรื่อง  มีหนุ่มน้อยเป็นคอยติดตามเช่นเคย   เป็นฝันที่ผมจำได้เพียงแต่เราเพียงสองคน ทุกครั้งไป.... เนื้อหาไม่มีความแตกต่าง มีแต่เธอกับฉันอยู่ด้วยกัน  เรารักกัน เรามีความสุข.... โดยไม่มีเขาคนนั้นอยู่กับเธอ  ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมสุขล้น  แทบจะทะลักออกมา  ทำให้ผมช่างคิดย้อนไปถึงอดีตที่เคยมีมา  วันที่เธอกับเขายังไม่.........................................ได้เป็นแฟน กัน


หนุ่มน้อยค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็มีเพียงที่นอนที่ว่างเปล่า กับหมอนว่างๆ  เธอในฝันของผมหายไป  ตามมาด้วยการถอนหายใจยาวๆ    เฮ้อออ    เป็นปกติเหมือนทุกเช้า ที่จำต้องตื่นมารับรู้ความจริงว่า มันเป็นไปได้เพียงฝัน  ความจริงของโลกนี้เธอยังอยู่กับเขา  และไร้วงโคจร ที่จะมาเจอกันอีก


ผมพลิกตัวนอนหงาย ขยับขามาในท่าไขว่ห้างทั้งๆ ที่อยู่ในผ้านวมหนา เอาแขนก่ายหน้าผาก ตามองฝ้าเพดาน..... ภาพเลือนลางที่เกิดขึ้น  คงมาจากที่เดิม... คราบน้ำตา บนใบหน้าเช่นเคย



ณ ดินแดนแห่งนี้ เธอจะรู้บ้าง...สักนิดไหม ว่ามีคนรอคอยเธออยู่ เฝ้ารอเธอทุกวัน แช่งให้เค้าทำตัวไม่ดี ให้เธอเลิกกับเขา  เผื่อจะมีโอกาสให้เธอหันหามองฉันซักนิดบ้าง แม้ว่ามันจะไม่ดีเลย ถ้าเธอรู้...

มันก็เป็นเพียงหลักฐานที่บอกว่าผมยังร้องไห้  ยังคงนึกถึงเรื่องราวของเราสองคนอยู่ แม้ว่าโลกใบนี้ มันจะหมุนรอบดวงอาทิตย์ ไปมากกว่าสามรอบแล้ว  หรือหมุนรอบตัวมันเองกว่าหนึ่งพันรอบ...

ถ้ารักที่สุดของผมต้องจางหายไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าวันนั้นผมจะเป็นอย่างไร...  ผมอาจจะดีใจที่เริ่มต้นได้ใหม่   หรือจะเสียใจที่เป็นที่รู้กันแน่นอนแล้ว ว่าผมเสียเธอไปและไม่มีวัน ที่เธอจะกลับมาหาผมอีก   ในบทเรียนเรื่องสมองของมนุษย์ สอนไว้ว่า อาการลืม เป็นกลไกธรรมชาติที่มนุษย์เราเป็นอัตโนมัติ  แต่สมองของเราต่างหากที่ยังคิดถึงมันอยู่ และพยายามจะจำมันให้ได้มากที่สุด...  เพราะว่ามันมีความหมายกับเรามาก  ไม่ว่าจะสุข หรือ... ทุกข์ก็ตาม
....
แต่เมื่อใดที่เราไม่ได้นำส่วนนี้ออกมาใช้งาน  เราถึงจะค่อยๆ ลืมมันไปได้เอง

คำถามคือ... แล้วเมื่อไหร่ ล่ะ

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แบบเดิม ที่เดิม คนเดิม

เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ ของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ที่ตัวเองกลายเป็นส่วนเกินของชีวิตใครบางคน


คนเราเป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้...
แต่เมื่อใดที่หนุ่มน้อยอยู่ในนั้น  กลับถูกมองเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น
คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่า ให้คนอื่นมองเห็นว่าเรามีตัวตน ล่ะ.....






ตอนนี้ มีสองอย่างในหัวที่หนุ่มน้อยกำลังคิดอยู่ หนึ่ง... เขาคือส่วนเกิน  และสอง... แค่เพียงอากาศที่ว่างเปล่า

ไม่ว่าจะเป็นอะไร เขาก็ไม่อยากเป็นทั้งนั้น นี่เขากำลังคิดว่า ตัวเขาไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย

ทำไมมันดูช่างโหดร้ายยิ่งนัก ถ้าเขาต้องอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป โดยไม่มีใครซักคนเห็นว่าเขามีตัวตน  แล้วเขาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน


ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ในค่ำคืนไร้แสงไฟ หนุ่มน้อยยังคงใส่เสื้อกันหนาวยีนส์สีน้ำตาลตัวเดิม ทำไมมันช่างหนาวเหลือเกิน    การอยู่ลำพัง มันเป็นอะไรที่น่ากลัว ที่สุดแล้ว

กระป๋องเบียร์ช้างขนาด 500มิลลิลิตร ตั้งอยู่ด้านหน้า ที่หนุ่มน้อยเพิ่งจัดการเสร็จไป มันทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้ ยังมีสิ่งที่พอทำให้ร่างกายเขาอบอุ่นขึ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ที่จะเข้าไปเยียวยาถึงหัวใจของเขา ที่มันหนาวเหลือเกิน หนาวเกินจะทนไหว


กับการต้องรู้สึกว่า แล้วพรุ่งนี้จะทำเช่นไร เพื่อให้ใครซักคนไม่มองเห็นว่า เขาเป็นส่วนเกิน หรือเป็นแค่เพียงอากาศที่ล่องลอยผ่านไปเท่านั้นเอง...


เหมือนกับว่ามีสองทางให้เขาเลือก แต่ไม่ว่าทางไหน ก็ล้วนเป็นทางที่เขาต้องเดินคนเดียวต่อไป ช่างเป็นทางสายเปลี่ยวที่เจ็บหัวใจเหลือเกิน


นับวันเขายิ่งรู้สึกว่าเป็นเดจาวู อีกแล้ว  เรื่องราวแบบนี้ มันเกิดอีกแล้ว  ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกครั้ง... nothing to say เลย





.....................แบบเดิม   ที่เดิม   คนเดิม

เธอใช้เขาจนหมดค่า     พลันตีหน้าเขาออกไป
เธอทำเหมือนมอบรัก     หากเพียงแค่หลอกรักให้
สิ้นประโยชน์อื่นอันใด    หากเพียงแค่เธอหลอกใช้
หนุ่มน้อยจนหมดค่า      พลันตีจากเขาออกไป
แล้วหนุ่มน้อยจักทำไง   กับความรักบังเกิดมี....

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

nothing to say (end)

ตะวันยามเย็นของวันนี้ ดูแล้วช่างให้ความรู้สึกเหงาเหลือเกิน......

หนุ่มน้อยเพิ่งตื่นจากฝันร้าย...
         ก่อนลุกออกจากที่นอน หยิบโทรศัพท์ด้วยมือข้างซ้าย ดูเวลา...เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ด้วยความงัวเงีย ค่อยๆ เดินไปที่ระเบียงห้องเพื่อบิดขี้เกียจ 

ทำไมมันดูเงียบ และเหงาขนาดนี้

แสงจันทร์กำลังจะมาเยือน หันกลับไปดูชีทที่ต้องอ่าน เห็นแล้วจะเป็นลม ทำไมมันหนาขนาดนี้

นั่งอยู่กับแสงจันทร์ ไฟนีออน และคอมพิวเตอร์ตัวเดิม อีกแล้วเหรอ





nothing to say...


การที่จะขอใฃ้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน เป็นสิ่งที่ยากมาก แต่วันก่อนเขาทำสำเร็จ  พร้อมบอกความในใจว่าอึดอัดมาก ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้

"ขอโทษ"

แน่นอนว่าไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการเลย  เขาตั้งใจฟัง และรู้สึกว่าเป็นคำๆ หนึ่งที่ถูกพูดออกมาอย่างตั้งใจ  ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดน้อยลงไปทีเดียว

"ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน และไม่ได้ตั้งใจ .....ขอโทษ"

ถึงเหตุการณ์มันจะเกิดหลายครั้งจนเหมือนตั้งใจ แต่...ทำไมครั้งนี้ เขากลับเชื่อสนิท...

เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ที่แฝงมาในคำพูดนั้น  แม้จะไม่ได้เห็นหน้า แต่ไม่รู้ทำไม มาทำให้เขามั่นใจมาก และแอบอมยิ้มเล็กๆ แต่ยังแกล้งทำหน้าตึงต่อไป

หวังว่าวันต่อไปจะไม่เป็นเหมือนกับวันที่ผ่านมา... ไม่อยากให้มีคำว่า ไม่มีอะไรจะพูด อีก

และไม่อยากเขียน nothing to say ภาคที่สอง




ขอบคุณคนๆ หนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องได้ถึงมากมายขนาดนี้

แรงบันดาลใจของ nothing to say...